วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

จริงหรือที่เขาว่า..หลวงพ่อยกตัวเองเหนือกว่าพระพุทธเจ้า?


ไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาถึงว่า
หลวงพ่อยกตัวเองว่า
เหนือกว่าพระพุทธเจ้า
ก็เห็นท่านกราบไหว้
พระรัตนตรัยทุกวัน
ในใจท่านก็มีพระพุทธเจ้า
เป็นอารมณ์ตลอดเวลาด้วยซ้ำ 

ท่านยังสอนให้ลูกศิษย์ลูกหาทั่วโลก
นึกถึงองค์พระตลอดเวลา
เพื่อใจจะได้เป็นบุญเป็นกุศล  
ไม่ได้ให้นึกถึงตัวท่านเลย

#คำสอนหลวงพ่อธัมมชโย

ถ้าท่านใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า
ท่านจะกราบไหว้ทำไมจริงไหม

ท่านจะสร้างมหาธรรมกายเจดีย์
ที่บรรจุพระพุทธเจ้าทำไม
ตั้งล้านพระองค์

ท่านยังเคยกล่าวว่า

พุทธรัตนะ แปลว่า 
พระต้องทำด้วยรัตนะ
หลวงพ่ออยากสร้างพระด้วยรัตนชาติ
เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
คิดมานานแล้ว
เพราะว่ารักพระพุทธเจ้ามาก
แล้วจะมอบเป็นของขวัญ
ให้กับผู้มีบุญ ที่ได้สั่งสมบุญ
เอาไว้สำหรับระลึกนึกถึง
บุญกุศลที่ตัวได้ทำไว้
ระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย 
จะได้เป็นทางมาแห่งบุญ
แล้วก็เป็นมรดกตกทอด
ให้รุ่น ลูก หลาน เหลน กันต่อ ๆ กันไป”

นอกจากนี้เข้าพรรษาปีนี้
หลวงพ่อยังเชิญชวนให้มาเอาบุญ
สวดธัมจักกัปปวัตนสูต 4 ล้านจบ
หน้ามหาธรรมกายเจดีย์อีก
พิมพ์พระของขวัญรุ่นบรรลุธรรมอีก

เพื่อให้ใจของทุกคน
ผูกพันกับพระรัตนตรัย
จะได้นึกถึงองค์พระได้ง่าย ๆ 
จะได้นั่งธรรมะกันได้ดี ๆ

พรรษานี้จะได้เป็นพรรษา
แห่งการบรรลุธรรมของทุกคน
..........................

ถ้าหากจะหาบุคคล
ที่เคารพรักพระพุทธเจ้า
มากที่สุดล่ะก็
หลวงพ่อธัมมชโยนี่แหละ
เป็นหนึ่งในนั้น

22/8/2559 
22.59

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ใจที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้



ใจต้องฝึกฝน และทำให้เจริญให้มากๆ
ฝึกมากแล้วจะทำประโยชน์ให้ตนเองได้เป็นอย่างยิ่ง
จะเปลี่ยนจากปุถุชนให้เป็นอารยชนได้

ยกตัวอย่าง  คนเหมือนกัน  คนหนึ่งไม่โกรธ ใจดี มีเมตตา
ย่อมเป็นที่อยากเข้าใกล้ของคนทั่วไป
และถ้าใจรักษาคุณธรรมนี้ไว้มากๆ 
อาจทำให้น่ากราบไหว้  เป็นที่เคารพบูชา

เพียงไม่โกรธอย่างเดียวยังได้คุณวิเศษถึงเพียงนี้
ถ้าไม่โลภด้วยจะยิ่งดีมากกว่านี้หลายเท่า

สมกับพุทธภาษิตที่ว่า
ความสุขความเจริญทั้งมวลย่อมเกิดขึ้นจากใจก่อนทั้งสิ้น
เมื่อเปลี่ยนแปลงใจให้ดีแล้ว สิ่งดีๆ หลายอย่าง
 เช่น สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ
สิ่งดีๆ ทั้งหลายย่อมเป็นผลพลอยได้ตามมาด้วย 
ฉะนั้น ใจเป็นต้นเหตุของความสุขความเจริญทั้งมวล

ในชีวิตนี้ควรฝึกฝนใจ และให้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
เพราะนอกจากเป็นแหล่งที่มาของบุญแล้ว
ยังนำมงคลทั้งหลายมาสู่ตนด้วย

ธรรมะริมทาง

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

2559 วัดพระธรรมกายฟีเว่อร์ ปังมาก !!!



ความภาคภูมิใจของศิษย์วัดกับปรากฏการณ์ "วัดพระธรรมกายฟีเว่อร์" ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
...ทุกมุมทุกประตูของวัดพระธรรมกายในทุกๆ วัน ไม่เว้นแม้แต่วันพระ ยังคงอยู่ในสายตาและความสนใจของสื่อมวลชน ... ทุกคำพูด ทุกบทสัมภาษณ์ของศิษย์วัดคนสำคัญ กลายเป็นข่าวใหญ่และประเด็นร้อนแรงในโลกโซเชียล


... หากมอง "วิกฤต" ให้เป็น "โอกาส" การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ที่แม้ว่าจะสื่อออกมาในหลายมิติหลายอารมณ์ มีทั้งชอบ ชัง หรือเฉยๆ ผสมปนเปกันไป แต่ก็ถือเป็น "การประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกาย" โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนโฆษณาแม้แต่บาทเดียว

... ที่เห็นชัดแน่ๆ ก็คือ ตอนนี้คณะศิษย์วัดทุกเพศทุกวัยกำลังเริ่ม "คุ้นเคยกับความดัง" ในฐานะที่เป็นวัดดังเข้าขั้น "เซเลบ" (celebrity) ตลอดจนประสบการณ์ที่ตกเป็นข่าว "ปาปารัสซี่" (paparazzi) ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ฝีมือและชั้นเชิงในการเผยแผ่ทั้ง "เชิงรับ" และ "เชิงรุก" โดยเฉพาะในโลกโซเชียลนั้น พัฒนาแบบ "ก้าวกระโดด" มากกว่าเดิมหลายเท่านัก


ทุกวันนี้ ดูเหมือนคำว่า "ยิ่งตี..ยิ่งดัง" นั้น อาจจะใช้กับวัดพระธรรมกายไม่ได้แล้ว ที่ถูกควรจะพูดว่า "ยิ่งตี..ยิ่งกังวาน" เสียมากกว่า



... เห็นอย่างนี้แล้ว ก็อดนึกถึงคำพูดของหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญไม่ได้ ที่เมื่อครั้งท่านเริ่มเผยแผ่วิชชาธรรมกาย วัดปากน้ำก็ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์กันมาก บางพวกก็ปลื้มใจ บางพวกก็หนักใจ บางพวกก็ตั้งขอกล่าวหาลงโทษวัดปากน้ำอย่างหนัก ถึงกับพูดว่าอุตริมนุสธรรมก็มี
ข่าวนี้มิใช่หลวงปู่วัดปากน้ำท่านจะไม่รู้ ท่านได้ยินเสมอๆ แต่เสียงนั้นก็ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนใจแก่ท่านแม้แต่เล็กน้อย ท่านกลับภูมิใจเสียอีกที่ได้ยินได้ฟังคำเช่นนั้น โดยท่านพูดด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านได้เข้าถึงว่า

... "คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะความปรารถนาลามกทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จักคำว่า ธรรมกายมีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะกลบก็กลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง"
... "การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติที่เราได้กระทำกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าคณะวัดปากน้ำไม่ได้กินแล้วนอน เป็นสำนักที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เท่ากับเอาสำนักเราไปเผยแพร่ ดีเสียกว่าการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เพราะการที่เขานำไปพูดเช่นนั้นเป็นการกระทำของผู้พูดเอง เราไม่ได้จ้างไม่ได้วานใคร"
... "เมื่อพูดทางไม่ดีได้ ก็ต้องมีคนพูดทางดีได้เหมือนกัน ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่ต้องเดือดร้อนใจ เพราะธรรมกายของพระพุทธศาสนาเป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นความจริงแก่ผู้เข้าถึงธรรม เรื่องอย่างนี้เราไม่หวั่น เราเชื่อในคุณพระพุทธศาสนา"

 พระมหาเสถียร สุวัณณฐิโต ธรรมรักษ์


วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คุณเป็นหนอนหรือไม่ ?

















@@ ใครคือหนอน? 
มาเช็คความเป็น "หนอน" กัน

slogan หนอน

- เรารู้.... โลกต้องรู้....

วิธีการตรวจเช็ค...

 - "ส่องกระจกดูตนเอง" เทียบกับ คุณสมบัติหนอน ว่ามีกี่ข้อ?

คุณสมบัติหนอน 

** เมื่อได้บริโภคข่าวสารผ่านทาง บุคคล ทีวี และ social แล้ว ...
1. ไม่พิจารณา ควรหรือไม่ควร ก่อนแชร์!! (มองไม่ออก สะอาดระเบียบไม่พอ หนอนสมองเล็ก)
2. ตื่นตูม!!! แชร์กระจาย ๆ...โลด (ไม่สืบหาข้อมูลที่ชัดเจน อ้างอิง)
3. แชร์แล้ว...พิมพ์บอกตามหลังว่า "ห้ามส่งต่อ"
4. ยิ่งยุยิ่งแชร์ แชร์ด้วยความมันส์... (เพราะยังไงมันก็ไปทั่วโลก!!!)
5. ยกมือถือ ถ่ายรูป ภาพบนจอ projector / TV ในวงสนทนาและประชุม  ...แล้ว...แชร์รัวๆ!!!
6. capture ภาพบทสนทนาบนมือถือ ในไลน์ facebook ที่มีชื่อและรูป profile แล้ว..แชร์โลด!!!
7. ก้มหน้าดูมือถือ ส่งไลน์ facebook ในห้องทุกที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ (แม้ประชุม)
8. ชอบแต่วิจารณ์คน สัตว์ สิ่งของ ...แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหา
9. รู้แล้ว..ยังทำอีก !! เหมือนเดิม 1-9 ข้อนี้

ผลการตรวจเช็ค

สรุป.... คุณ...เป็นคน? หรือ เป็นหนอน ? 

แต่ที่รู้ๆ สงสัยกรูจะเป็นหนอนวะ 555







เฮ้ย!  หนอน...สายของเรา บอกว่า  ไปกุมมะเป็นเป้าหลอก !!!   จริง ๆ แล้วไปยุโรปเว้ย

ไม่เห็นหน้า แต่เห็นหัวใจ





@@เรื่องดีๆ ในวันที่พายุโหมกระหน่ำ  (16 มิถุนายน พ.ศ. 2559)


วันนี้มีข้าราชการระดับสูงท่านนึง
มาทำบุญถวายของให้พระที่วัดเรา..
ครั้งแรกที่ทำบุญซื้อเต้นท์หลัง 7500 กว่าบาทถวายพระ
ด้วยหัวใจปลื้มมาก..

ได้คุยกันเมื่อสองสามวันที่แล้ว
บอกว่าเป็นศิษย์สำนักอื่นมาเกือบทุกที่...เว้นวัดนี้

แต่พอมีข่าววัด ข่าวหลวงพ่อ..
ได้เห็นขาหลวงพ่อท่าน ทางจอทางเฟส..ร้องไห้ไม่หยุด
ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกผูกพัน ไม่เคยรู้รักท่านเลย..

เลยตัดสินใจมาวัด
มาบวชอุบาสิกาแก้ว
แล้วก็มาวัดจนถึงบัดนี้

นั่งธรรมะมาหลายที่มานาน แต่ที่นี่นั่งแล้วมีความสุข
เหมือนโดนดูดข้างใน..รู้สึกรักและเข้าใจคำสอนของหลวงพ่อ
เข้าใจหลายๆอย่างเองเลย
จึงรู้สึกชอบอยากนั่งสมาธิกับหลวงพ่อท่าน
ในฐานะครูที่ชี้แนวทางจริงๆ เพราะตัวเองใหม่มาก..

ตอนนี้มาวัดประจำ มาช่วยหลวงพ่อค่ะ
 มาตอนวัดมีข่าวโจมตีช่วงนี้เลยค่ะ..


นโยบาย 3 ป. โปรด ปราม ปราบ ยาเสพติด!!!




เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด สิ่งไม่ดีทั้งหลาย
เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำให้หมดสิ้นไปจากโลก

การจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปได้นั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทั้งบ้าน  วัด โรงเรียน ทั้งพุทธจักร อาณาจักร  และต้องใช้นโยบาย  ๓ ป. คือ โปรด  ปราม  ปราบ 

โปรด คือ ให้ความรู้ ให้ทุกคนเห็นโทษภัยของสุราเมรัย  บุหรี่ ยาเสพติดทั้งหลายว่า 
มีโทษภัยอย่างไรทั้งในปัจจุบัน ในปรโลก และในสังสารวัฏ อย่าเห็นแต่คุณเพียงด้านเดียวว่า ช่วยสร้างงาน  มีพนักงาน มีโรงงานสุราบุหรี่ แล้วมีรายได้กลับเข้ารัฐ  เพื่อจะนำรายได้นั้นกระจายไปสู่ส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ  แต่สิ่งที่ได้กับสิ่งที่เสียไปมันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย 
โทษในปัจจุบัน    ทำให้เสียเวลา เสียเงิน เสียทอง เสียผู้เสียคน เสียชีวิต
โทษในปรโลก     ทำให้เสียโอกาสไปสวรรค์ แต่กลับตกไปอบาย
โทษในสังสารวัฏ  เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องระทมทุกข์กันอีกยาวนาน

เพราะฉะนั้น ต้องโปรดก่อน คือ ให้ความรู้เหล่านี้ ซึ่งต้องช่วยกันทั้งพุทธจักร อาณาจักร  ทั้งบ้าน วัด โรงเรียน ทุกคนต้องช่วยกันให้ความรู้

ปราม เมื่อโปรดแล้วต้องปรามด้วยว่า อย่าทำสิ่งเหล่านี้  ทำแล้วมีโทษ  ทั้งปรับ ทั้งจำหรือจะมีมาตรการอะไรก็ว่ากันไป

ปราบ เมื่อทั้งโปรดทั้งปรามแล้วยังไม่เชื่อก็ถึงขั้นปราบ  ปราบก็ต้องปราบกันอย่างจริงจัง  ถ้าปราบกันจริง  เดี๋ยวก็หมด แต่บางทีเขาจะมีวิธีการต่าง  นานา ทำให้หมดอารมณ์ปราบ ก็เลยปราบกันไม่จริง  ทีนี้เมื่อปราบไม่จริงจึงไม่หมดไป  ก็เลยเป็นต้นแบบที่ไม่ดีให้แก่ผู้ที่เกิดมาในภายหลังซึ่งจะต้องเรียนรู้ใหม่ในโลกนี้  
เพราะฉะนั้น ในยุคนี้ต้องทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นมาในโลกในยุคของเรา แล้วสิ่งดี  จะเกิดขึ้นอย่างที่เรานึกไม่ถึงเลย

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข้อคิดจากกำแพงเมืองจีน





เมื่อชาวจีนโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย
พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
โดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนมันได้เพราะสูงมาก

แต่ทว่า..!  
ภายในร้อยปีแรกหลังการสร้างกำแพงนั้น
เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึงสามครั้ง! 

ในแต่ละครั้งกองทัพบกของศัตรูไม่มีความจำเป็น
ที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนมันเลยแม้แต่น้อย..! 

แต่ทว่าในทุกครั้งพวกเขาใช้วิธีติดสินบนยามเฝ้าประตูแล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ. 

แน่นอนว่าชาวจีนมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพงจนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง..! 

เพราะการสร้างคนต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่ง 
และนี่คือสิ่งที่คนหนุ่มสาวของพวกเราทุกวันนี้ต้องตระหนักให้มาก 

นักบูรพาคดีคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ถ้าท่านต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใด
มีขั้นตอนอยู่สามอย่างคือ

1. ทำลายครอบครัว 

2. ทำลายการศึกษา 

3. ล้มบุคคลต้นแบบ และตัวอย่างที่ดีงามของพวกเขา


เมื่อแม่ที่ฉลาด ครูที่จริงใจและต้นแบบที่ดีหายไป 
ใครเล่าจะเลี้ยงดูต้นกล้าเยาวชนให้มีคุณธรรม?

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อย่าคอยความพร้อม...



การทำงานทุกอย่าง
อย่าหวังว่าต้องวางแผนให้ดีเยี่ยม
รอให้สมบูรณ์พร้อมก่อน
แล้วจึงลงมือทำ...ไม่ได้
เพราะว่ามันจะไม่ทันเวลา

และจริงๆ แล้ว แม้จะวางแผนไว้ดีเพียงไร
เมื่อถึงคราวลงมือปฏิบัติจริง
ก็ยังต้องปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์จริงอยู่ดี

ดังนั้นจึง...อย่ารีรอ
จงลงมือทำ...แล้วปรับไปพร้อมๆ กัน


จากบันทึก

อย่าเป็นคนขี้เกียจ...ไม่ดี..ไม่ดี




ร่างกายคนเรานี้แปลก ยิ่งออกแรงยิ่งได้แรง
เหมือนกับนักกีฬา ยิ่งออกแรง  กำลังยิ่งดี
ถ้าเอาแต่กินกับนอน แรงจะค่อยๆ หายไป

นักศึกษายิ่งอ่านหนังสือ ยิ่งท่องหนังสือ
อดตาหลับขับตานอนยิ่งได้ปัญญา


ทำงานอย่าออมแรง
อยู่ที่ไหนอย่าออมแรง

โบราณท่านว่า 

คนที่เกียจคร้านไม่ชอบออกแรง ทำงานไม่เต็มแรง
มักจะมีข้อเสีย คือ เหงื่อจะตกใน
เมื่อตกมากๆ เข้าก็เอ่อขึ้นท่วมหัวใจ แล้วไหลล้นทะลักออกมากลายเป็นน้ำตา
ขี้เกียจแล้วต้องมาน้ำตาเช็คหัวเข่าในภายหลัง


จากบันทึก

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ติช กว๋าง ดึ๊ก ภิกษุหัวใจโพธิสัตว์

หลวงพ่อ ติช  กว๋าง ดึ๊ก ชื่อก้องโลก 
ภิกษุหัวใจโพธิสัตว์ 
ถวายชีวิตในกองเพลิง 
สืบอายุพระศาสนาในเวียดนาม.


พระภิกษุ ติช กวาง ดึ๊ก วัยุ 73 ปี จากวัดเทียนมู่

     

พระสงฆ์ชาวเวียดนามชื่อ ติช กว๋าง ดึ๊ก.
เป็นพระรูปที่ท่านจุดไฟเผาตัวเอง เพื่อประท้วงรัฐบาลเวียดนาม ดังรายละเอียดด้านล่างนี้.
ซึ่งภาพ และข่าวนี้ ปรากฎเผยแพร่อย่างกว้างขวางไปทั่วโลก จนช่างภาพที่ชื่อ มัล คอล์ม บราวน์ ได้รับรางวัล พูลิตเซอร์ นั้นแหละครับ.
เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ครบรอบ 53 ปี พอดีในวันนี้ คือ (11 มิถุนายน)  เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2506 ที่ผ่านมา.
จุดประสงค์ที่ผมคิดจะหยิบเรื่องนี้ มานำเสนอ ก็ด้วยเหตุ 2 ประการหลัก ๆ คือ

1. เพื่อบูชาหัวใจรักในพระศาสนา ของ หลวงพ่อ ติช กว๋าง ดึ๊ก
ที่ต้องถือว่า เป็นผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยว สละแม้กระทั้งชีวิต เพื่อพระพุทธศาสนา.

ท่าน ติช กว๋าง ดึ๊ก รูปนี้ ชาวเวียดนาม ถือว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์
ซึ่งภายหลัง เมื่อนำสรีระของท่านไปทำพิธีเผา
ปรากฎว่า ส่วน ของ "หัวใจท่านกลับไม่ไหม้ไฟ"



หัวใจของพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ไม่ได้มอดใหม้ไปกับกองเพลิง
ปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่ เมืองเว้ 


2. เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เตือนสติคนไทย และชาวพุทธในประเทศไทยทุกคน ว่า ...
- หากยังเป็นมิจฉาทิฎฐิอยู่ มัวหลงในกระแสโลกสมมติ เมาในอำนาจ
ทะเลาะขัดแย้งกันไม่จบสิ้น ไม่สามัคคีกันสักที ดังที่เป็นอยู่ขณะนี้นั้น.
- ให้ระวังไว้เถอะว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ มันอาจเกิดขึ้นในประเทศไทยเราก็ได้.
วันนี้ 11 มิ. ย. เป็นวันครบรอบ การเสียสละชีวิต อันยิ่งใหญ่ 
ของ พระสงฆ์ชาวเวียดนาม นามว่า ติช กว๋าง ดึ๊ก ซึ่งต้องถือว่า...
"แม้น รูปสลาย กายแตกดับ 
แต่นามเป็นอมตะ 
จารึกโลกคู่พระศาสนาตลอดไป".
-----

ผมอยากจะให้ พระสงฆ์ไทย และพระสงฆ์ทั่วโลก 
ได้จงร่วมกัน จดจำ รำลึก คุณูปการ อันเด็ดเดี่ยว 
ที่ควรค่าแก่การค่อมเศียร น้อมลงคารวะ ด้วยหัวใจแห่งพุทธบุตร 
ในการเสียสละเพื่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ครับ.
-----
เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์เวียดนาม
วันแห่งการเสียสละชีพของท่าน "ติช กว๋าง ดึ๊ก" พระภิกษุมหายาน ชาวเวียดนาม.
11 มิถุนายน พ.ศ.2506 ศาสนาพุทธในเวียดนาม
ตรงกับสมัยที่ประเทศเวียดนามใต้ 
มีประธานาธิบดี คือ "นาย โง ดินห์ เดียม".
ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม 
(นับถือศาสนานิกายโรมันคาทอลิค ตามประวัติระบุเป็นผู้ที่เคร่งครัดในศาสนา)

ในช่วงนั้น พระพุทธศาสนาในเวียดนามใต้ถูกทำลายเป็นอย่างมาก.
เนื่องจาก โง ดินห์ เดียม พี่ชาย คือโง เดียม ถึก และน้องชาย คือ โง ดิน นูห์ 
ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลสำคัญ และทรงอิทธิพลสุดในรัฐบาลเวียดนามในสมัยนั้น.
ทั้ง 3 ท่านนี้ ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ได้พากันกดขี่ข่มเหงประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธอย่างที่สุด.

นายโง ดินห์ เดียม ประธานาธิบดี ของ เวียดนาม
ก่อนวันวิสาขบูชา ที่ ๘ พฤษภาคม ปี ๒๕๐๖.
โดยรัฐบาลได้ออกนโยบาย เพื่อบังคับให้ประชาชนที่นับถือพระพุทธศาสนา 
ต้องตกอยู่ในสถานะที่แทบเรียกว่า ต่ำยิ่งกว่าชนชั้นค่ำสุดในประเทศในยุคนั้น.
เช่น ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกบ้าน ห้ามชักธงธรรมจักร 
หรือสัญญาลักษณ์ใด ๆ เกี่ยวกับศาสนาพุทธปรากฎให้เห็นเป็นอันขาด.

มีบันทึกไว้ว่า ถ้าพุทธศาสนิกชนในเมืองเว้ ชักธงทางพุทธศาสนาขึ้น
เจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะนำธงลงจากเสา แล้วนำไปเผาทิ้งทันที.
ที่สำคัญจะมีโทษอย่างรุนแรง จนประชาชนชาวพุทธหวาดผวา หลบ ๆ ซ่อน ๆ 
ในการทำกิจกรรมทางพระศาสนา.
สุดท้ายเหตุการณ์นี้ ทำให้ชาวพุทธในประเทศเวียดนาม โกรธแค้น 
และออกมาเดินขบวนประท้วงเป็นจำนวนมาก.
รัฐบาลมิจฉาทิฎฐิ ได้สั่งทหารเข้าปราบปรามชาวพุทธอย่างรุนแรง และเด็ดขาด.

เหตุการณ์นี้ ประวัติศาตร์ได้บันทึกไว้ว่า ..
"เป็นเหตุให้พระภิกษุ และชาวบ้านเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก 
แทบจะหมดพระสงฆ์ไปจากเวียดนามเลยทีเดียว".

วันที่ชาวพุทธทั่วโลกจะต้องจดจำ
วันนั้น ตรงกับวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2506 
พระภิกษุในพุทธศาสนา มหายาน ที่นามว่า ติช กว๋าง ดึ๊ก อายุ 73 ปี จาก วัดเทียนมู่.

ได้ทนเห็นความทารุณโหดร้าย ในการใช้อำนาจรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ไหว.
ท่านจึงได้ตั้งใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะหยุดยั้งเหตุการณ์ร้าย ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ได้ ก่อนที่ชาวพุทธจะล้มตายไปมากกว่านี้.

ท่านจึงตั้งใจมอบชีวิตแก่พระพุทธศาสนา.
จุดประสงค์ของท่าน "เพื่อต้องการให้รัฐบาลชั่วในขณะนั้น ได้หยุดปราบปรามชาวพุทธ มอบความเท่าเทียมต่อประชาชนที่ต่างศาสนา"
ท่านจึงได้ทำการสร้างมหากุศลครั้งนิ่งใหญ่ ด้วยการใช้น้ำมันราดตัวเอง และจุดไฟเผาตัวเอง ที่สี่แยกกลางกรุงไชง่อน ดังภาพเหตุการณ์ที่ได้แนบมาด้วยแล้วด้านล่างนี้.












โดยท่านติช กว๋าง ดึ๊ก กล่าวว่า
"ขอเอาชีวิตน้อย ๆ ของ ท่านนี้ 
เผื่อเป็นประทีปส่องใจอันมืดมน ของ พี่น้องชาวเวียดนาม
ข้าพเจ้าขอตายเพื่อไถ่บาปพี่น้องชาวเวียดนามทุกๆคน
ขอให้เลิกเข่นฆ่าฆ่ากัน
ข้าพเจ้าไม่ได้ตายเพราะความโง่เขลา
ข้าพเจ้าไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะมิจฉาทิฏฐิ
แต่ข้าพเจ้าตายเพื่อคนหูหนวกจะได้ยิน
เพื่อคนตาบอดจะได้มองเห็น
เพื่อยุติการเข่นฆ่าสายเลือดเดียวกัน".


โดยก่อนหน้านั้น ท่านติช กว๋าง ดึ๊ก ได้เขียนจดหมายถึง รัฐบาล
นายโง ดินห์ เดียม ในการเสียสละตนเองครั้งนี้ว่า..

1. เพื่อป้องกันพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาดั้งเดิมของประเทศชาติ.
2. ขอเตือนการกระทำที่บีบคั้น และฆ่าพระภิกษุ แม่ชี และคนทั่วไปในประเทศ.
3. ขอร้องให้ท่านมอบอิสรภาพให้แก่ผู้นำชาวพุทธทั้งหลาย ในคณะกรรมการป้องกันพระพุทธศาสนา พระภิกษุ แม่ชี และพุทธศาสนิกชนที่ถูกจับขังอยู่ในขณะนี้.
4. ให้ยุติสถานการณ์เลวร้าย และเลิกจับพระภิกษุ แม่ชี และพุทธศาสนิกชนอีก.
5. ให้เลิกองค์การคณะสงฆ์รวมทั้งบุคคลที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาหลอกลวงปิดบังความจริงเป็นเหตุให้ประชาชนโง่เขลา.


สรุป
- ขอให้ชาวพุทธทุกท่านในปัจจุบันนี้ ได้ร่วมกันกราบคารวะการจากไปของท่าน ติช กว๋าง ดึ๊ก พระสงฆ์ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระศาสนา.
- ขอให้พระพุทธศาสนาในเมืองไทย จงอย่าได้ถูกทำลาย โดย บุคคลที่มีมิจฉาทิฏฐิ ดังเช่นอดีตอันแสนเจ็บปวดในเวียดนามใต้ในครั้งนั้นเลย.
- ขอให้พระพุทธศาสนาจงอยู่คู่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเมืองไทยตราบนานเท่านาน เทอญ.
-------
cr. เจ้าคุณเบอร์ลิน


พระสงฆ์ นางชี และชาวพุทธ ประท้วงรัฐบาลโงดินห์เดียม
ที่ย่ำยีชาวพุทธต่างๆนานา



















ผู้ประท้วงถูกจับกุม โดยรัฐบาลกล่าวหาว่า
" นั่งสมาธิเพื่อด่ารัฐบาล " (ด่าในใจ) 



ดจบของประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม แห่งประเทศเวียดนาม
- ผู้โค่นล้มระบบอบกษัตริย์(บ่าวใด๋)และตั้งตนเองบริหารประเทศ โดยมีรัฐบาลหรัฐอเมริกา(CIA)และกรุงวาติกัน เป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง 
- ผู้เคร่งครัดในศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิค รวมทั้ง โง ดินห์ ถึก (พี่ชาย) 
- ผู้วางแผนและออกกฏเกณฑ์ต่างๆให้ชาวเวียดนามที่นับถือศาสนพุทธถึงร้อยละ 90 เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ 
- ผู้ริดรอนสิทธิของชาวพุทธ เช่นห้ามเข้าวัด ห้ามจัดกิจกรรมทางศาสนาเช่นวันวิสาขบูชา ห้ามออกหนังสือพุทธศาสนา ห้ามพระจัดรายการทางวิทยุ
- ผู้ปราบปราบและเข่นฆ่าพระสงฆ์ นางชี และชาวพุทธอย่างโหดเหี้ยม
- ผู้สั่งทหารให้นำรถพุ่งเข้าหากลุ่มผู้ประท้วง ผลทำให้พระสงฆ์และนางชีที่อยู่แถวหน้าเสียชีวิตทันที่ 70 ศพ ประชาชนอีก 30 ศพ
- ผู้สั่งให้ทหารกวาดกล้าง เผาวัด ทำลายศาสนสถาน ยิงกราดใส่กลุ่มพระและนางชีที่กำลังสวดมนต์และนั่งสมาธิ
- ผู้ออกกฏห้ามสร้างพระพุทธรูปบูชา หากทรุดโทรมผุพังให้นำรูปพระเยซูมาตั้งแทน ใครไม่ทำมีโทษประหาร 
- ผู้ออกกฏให้ชาวบ้านนำรูปพระเยซูไว้ตามบ้าน ใครทำหาย หรือทำลาย จะได้รับโทษสถานหนัก 
- ผู้ออกกฏ เมื่อมีการอบรมข้าราชการ ต้องให้บาทหลวงมาทำการอบรมข้าราชการด้วย
- ผู้กำหนดนโยบายเปลี่ยนคำสอนของพุทธศาสนา พระไตรปิฏก บังคับใช้กับพระภิกษุสงฆ์และสถาบัน โดยเป็นคำสั่งของ โง ดินห์ ถึก (พี่ชาย)ซึ่งคุมกระทรวงศึกษาธิการ
- ห้ามประชาชนชาวเมืองเว้ชักธงศาสนา(ธงพระธรรมจักร)ในวันสำคัญทางศาสนา และห้ามประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ
- และ อีกมายมาย


ทิก กว๋าง ดึ๊ก! กายมอดไหม้ แต่หัวใจคงกระพัน Ep.1



ทิก กว๋าง ดึ๊ก ! กายมอดไหม้แต่หัวใจคงกระพัน Ep.2





ข้อมูล/ภาพประกอบจาก
http://www.geocities.com/ben007_us/book03/intoc.html
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/04/K6565446/K6565446.html
และเว็บอื่นที่ไม่ได้เก็บข้อมูลไว้

แต่ทั้งหมดนี้มาจากข้อมูลต้นฉบับ เช่น
  - สำนักข่าว ยูพีไอ
  - หนังสือแปลเรื่องวันสิ้นชาติของอดีตประธานาธิบดีเหงียนเกากี จากเวียดนามใต้
  - หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
  - หนังสือ อนันตริยกรรม (ในเวียดนาม) 

    (อนันตริยกรรม แปลว่า บาปหนัก หรือกรรมที่ต้องชดใช้ทันที )